บทที่ 2

"จดหมายหย่าร้างนั้นข้าไม่สามารถเขียนให้ได้ หากเจ้าอยากตายเมื่อใดก็ตายได้ทุกเมื่อที่ตามที่เจ้าต้องการ ตอนเป็นคือคนสกุลเว่ย ตายไปย่อมเป็นผีของสกุลเว่ย!” เว่ยฉงซีกล่าวอย่างเยือกเย็น

ซือลั่วหัวเราะแห้งๆ ตอนนี้นางยังไม่สามารถทิ้งเว่ยฉงซีได้ แม้ว่าเว่ยฉงซีจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ตัวนางในฐานะหญิงสาวที่โดนหย่าร้างเกรงว่าจะต้องไม่มีทางรอดแน่นอน ในตอนนี้ มีเพียงติดตามเว่ยฉงซีเท่านั้นถึงจะมีทางรอด

ในส่วนของอนาคต รอนางมีความสามารถแล้วค่อยจากไปก็ยังไม่สาย

“ข้าไม่ไปแล้ว ข้าจะอยู่ดูแลเจ้า!” ซือหลัวกล่าว

เห็นได้ชัดว่าเว่ยฉงซีไม่เชื่อ เขาหรี่ตาลงเพื่อดูว่านางจะเล่นกลอุบายอะไรอีก

ซือลั่วรู้ว่าเจ้าของร่างเดิมมีนิสัยชั่วร้าย เว่ยฉงซีต้องไม่ไว้ใจนางขนาดนั้นแน่นอน อีกทั้งนางยังกลัวว่าถ้าตอบสนองมากเกินไปในคราวเดียวอาจทำให้เว่ยฉงซีสงสัยได้ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดมาก

"เช่นนั้นก็ดี จดจำฐานะของเจ้าไว้ให้ดี!" ขณะพูด เว่ยฉงซีก็เข็นรถเข็นอยากที่จะออกไป

การเคลื่อนไหวของเขาดังมากจนซือลั่วยากที่จะไม่สนใจเขา

นางขมวดคิ้ว

รถเข็นของเว่ยฉงซีเรียบง่ายมาก มันทำจากไม้เพียงไม่กี่ชิ้น ล้อของรถเข็นก็เป็นท่อนไม้ ถ้าหากเป็นพื้นเรียบๆ ก็ยังได้อยู่ แต่ตอนนี้บนพื้นดันมีของบางอย่างที่เจ้าของร่างเดิมทำหล่นไว้คาติดอยู่ที่ล้อ เว่ยฉงซีผลักรถสองสามครั้งก็ไม่สามารถผลักไปได้ ดังนั้นเขาจึงออกแรงผลักมันอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด ทว่าล้อรถไม่มั่นคง จึงล้มลงไปด้านข้าง

รอจนซือลั่วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เว่ยฉงซีก็ล้มลงไปกับพื้นแล้ว คนร่วงไปบนพื้น มือก็ถูกถ้วยชาที่แตกอยู่บนพื้นชิ้นหนึ่งบาดจนเลือดไหล...

ซือลั่วตกใจอย่างมาก นางไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ววิ่งมาคว้ามือเขาขึ้นมา

นิ้วของเว่ยฉงซีทั้งขาวและเรียวยาว แต่ฝ่ามือกลับมีหนังด้านหนาที่หลงเหลือจากการถืออาวุธในอดีตก่อนที่ต่อมาจะเป็นเพราะจากการเข็นรถเข็น

ในขณะนี้ แผลบนฝ่ามือของเขาถูกบาดยาวราวหนึ่งชุ่น (คำอธิบาย หน่วยวัดของจีน โดย 1 ชุ่น มีค่าประมาณ 3.33 เซนติเมตร) ชิ้นส่วนของเศษถ้วยชายังคงฝังอยู่ในเนื้อ จนผิวเนื้อกลายเป็นสีแดง เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวใจของซือลั่วก็กระตุก

“ไปให้พ้น!” เว่ยฉงซีชักมือออกด้วยความขยะแขยง แต่เนื่องจากออกแรงไปเขาจึงเจ็บจนใบหน้าซีดเผือด เขาทำราวกับว่าซือลั่วเป็นตัวหายนะบางอย่าง

ซือลั่วกลับไม่สนใจเขา นางหยิบเศษผ้าชิ้นหนึ่งออกมาจากตู้ เทน้ำสะอาดอีกชามแล้วเดินไปคุกเข่าข้างกายเว่ยฉงซี จับมือเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พูดด้วยเสียงต่ำว่า "อย่าขยับ"

ไม่ทราบว่าด้วยเหตุอันใด เว่ยฉงซีก็ไม่ขยับจริงๆ

ซือลั่วกล่าวว่า "มันอาจจะเจ็บสักหน่อย ทนนิดนึงนะ"

เว่ยฉงซีไม่ตอบ ทำเพียงแค่หรี่ตามองนาง

ซือลั่วไม่ว่างไปสนใจสายตาของเขา นางดึงเศษชิ้นส่วนออกมา ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด จากนั้นพันผ้าพันแผลให้เว่ยฉงซีด้วยความระมัดระวัง แล้วเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบดวงตาสีดำสนิทของเว่ยฉงซีกำลังจ้องตรงมาที่นาง

“ข้าจะช่วยเจ้าเอง” ซือลั่วก้มศีรษะลง ไม่ค่อยกล้ามองเข้าไปในดวงตาของเขา

เว่ยฉงซีไม่ปฏิเสธ เขากลับต้องการที่จะดูว่าแม่นางผู้นี้จะเล่นลูกไม้อันใดอีก

เว่ยฉงซีสูงเกือบ 190 เซนติเมตร รูปร่างแข็งแกร่ง ดูไปแล้วเหมือนจะผอมมาก แต่น้ำหนักกลับไม่เบานัก

ซือลั่วใช้แรงอย่างมากเพื่อนำเขากลับไปนั่งบนรถเข็น เมื่อดูไปแล้วคิ้วก็ต้องขมวดอีกครั้ง

ล้อของรถเข็นห่วยๆ คันนั้นหักจนผิดรูปไปแล้ว ไม่อาจใช้งานได้อีกอย่างแท้จริง

นางถอนหายใจ ปาดเหงื่อบนใบหน้าแล้วพูดว่า "รถเข็นหักแล้ว เจ้าขึ้นไปนอนพักบนเตียงสักหน่อยเถอะ"

เว่ยฉงซีไม่กล่าวอันใด

ซือลั่วไม่มีเวลาไปสนใจเขา กว่าจะช่วยย้ายเขาไปที่เตียง นางก็หอบแฮกๆ แล้ว

เดิมทีเพิ่งจะตกน้ำมา ตอนนี้ดันใช้แรงไปตั้งมากอีก นางไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้วแม้แต่น้อย

ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง นางถึงได้เปิดปากพูดว่า "เว่ยฉงซี มีอะไรกินไหม"

ตั้งแต่เมื่อครู่เว่ยฉงซีก็สังเกตซือลั่วมาโดยตลอด เขามักจะรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้หลังจากฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม ท่าทางการเคลื่อนไหว หรือสายตา ล้วนราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนอีกคนหนึ่ง

หากเปลี่ยนเป็นแต่ก่อน นางต้องเรียกเขาว่าไอ้คนขาพิการตลอด ซึ่งแน่นอนว่านี้จะเป็นการสาดเกลือใส่บาดแผลของเว่ยฉงซี ไม่เพียงเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยยอมให้เว่ยฉงซีแตะต้องนาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรักษาบาดแผลเลย มีคราหนึ่งเว่ยฉงซีถูกน้ำแกงลวก นางได้แต่ยืนมองต่ำลงมาแล้วหัวเราะเย้ยหยันว่าเขามันเป็นเศษสวะทำอันใดไม่ได้ สมควรถูกลวกแล้ว!

ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าหลังจากนางตายไปแล้วอดีตจักรพรรดิจะเปลี่ยนคนใหม่มาให้อีก เทียบกับซือลั่วที่ไม่มีสมองผู้นี้แล้ว ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนที่มีใจคอคับแคบเว่ยฉงซีก็คงจะฆ่านางไปตั้งนานแล้ว

ซือลั่วไม่ได้สนใจว่าเว่ยฉงซีกำลังคิดอะไรอยู่ นางหิวโหยจนหน้าอกแนบติดกับหลังแล้ว สิ่งที่อยู่ในหัวสมองตอนนี้ล้วนมีแต่ของกิน

“ในครัวมี” ในที่สุดเว่ยฉงซีก็พูดขึ้น

ซือลั่วยืนขึ้นอย่างมีความสุข เมื่อออกประตูไปแล้ว ลานบ้านที่รกและทรุดโทรมก็สะท้อนเข้ามาในสายตา ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกทั้งสองด้านต่างก็มีห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ทางฝั่งตะวันออกเป็นห้องครัว แต่ทางฝั่งตะวันตกกลับเป็นห้องรกๆ มีเรือนหลักสองหลัง ซือลั่วอาศัยอยู่เรือนหนึ่ง เว่ยฉงซีอาศัยอยู่อีกเรือนหนึ่ง

เมื่อซือลั่วมาถึงครัวที่อยู่ฝั่งตะวันออกก็แทบอยากจะร้องไห้ทว่าไร้น้ำตา ในห้องโกโรโกโสอย่างยิ่ง มีหม้อใบใหญ่หนี่งหม้อ ชามแตกๆ สองสามใบ โอ่งน้ำหนึ่งใบ แถมยังมีโอ่งน้ำที่แตกแล้วอีกสองใบ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป